โค้งตามแนวนอน ( Horizontal Curve)
______________________________________________
โค้งวงกลม ( Circular
curve)
รูปแสดงตัวอย่างโค้งวงกลม
โค้งวงกลม ( Circular curve)
นิยมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โค้งเดี่ยว (Simple
curve) ส่วนที่จะนำไปใช้ในการออกแบบและก่อสร้าถนนคือแนวศูนย์กลาง( Center
line) CAQBD ซึ่งการใส่โค้งวงกลมเพื่อหลีกเลี่ยงอุปสรรค เช่น สิ่งก่อสร้าง
ภูเขา โดยการก่อสร้างจะเป็นไปตามหลักการทางเรขาคณิต
เพื่อให้เกิดความสะดวกและปลอดภัยของยวดยาน
ส่วนประกอบต่างๆของโค้งวงกลม
ความยาวของเส้นสัมผัส : T=Tangent
มุมเหหรือมุมสกัด : Δ = Defflection angle
I, IA =
Intersection angle
จุดเริ่มต้นโค้งราบ : BC = Beginning of
curve
PC = Point of curve
HPC = Horizontal point of curve
TC = Tangent to curve
จุดสิ้นสุดโค้งราบ : EC = End of curve
PT = Point of tangent
HPT = Horizontal point of tangent
CT = Curve to tangent
จุดตัดของเส้นสัมผัสโค้ง : PI = Point of (tangent) intersection
IP = Intersection
point
HIP =
Horizontal i Intersection point
คอร์ดหลักหรือคอร์ดยาวที่สุด : C = Chord
LC = Long chord หรือ Length of chord
ระยะฉากกลางคอร์ด : M,MO =
Mid-ordinate
ML
= Middle ordinate length
ระยะกลางโค้งด้านนอก : E =
External distance
ความยาวโค้ง : L = Length of curve
Lc = Length of circular curve
รัศมี :
R = Radius
ค่าความโค้ง : 1/R
สูตรคำนวณ Circular
curve
องศาโค้ง ( Degree of Curve =D)
กรณีที่ 1 Arc Definition
: R = 5729.57795/ D
องศาโค้ง คือ จำนวนมุมที่จุศูนย์กลางที่รองรับโค้ง ยาวเท่ากับ
100เมตร เรียก Arc definition ความยาว 100เมตร เป็นความยาวมาตรฐานโค้ง ( Standard curve)
กรณีที่ 2 Chord Definition : R =
5729.65067/D
องศาโค้ง คือ จำนวนมุมที่จุศูนย์กลางที่รองรับคอร์ด
ยาวเท่ากับ 100เมตร ความยาว 100เมตรคือความยาวของคอร์คมาตรฐาน
ตารางความสัมพันธ์ V D R องศาโค้งที่ให้ความปลอดภัยที่สุด
มุมหักเห ( Deflection Angle)
การหา Deflection Angle
จากค่า D จากรูป
D = 4d
กำหนดให้มุม d เป็นมุมที่รองรับ arc(a) ยาว 5 เมตร
d = D/4
ดังนั้น Deflection Angle = d/2 = D/8
ความสัมพันธ์ระหว่าง Deflection angle, arc, radius and chord
Deflection Angle for Each Station
ระยะ STATION : PI, PC and PT
PC STA = PI STA-T
PT
STA = PC STA+L
สูตรการคำนวณหาส่วนต่าง
ๆ ของโค้งวงกลม
ความยาวของเส้นสัมผัส ( Tangent = T)
ความยาวของเส้นคอร์ด ( Length of Chord = LC)
มุมสัมพันธ์โค้ง ( Degrees of curve = D)
ความยาวของโค้งวงกลม( Length of curve = Lc หรือ arc)
ความยาว ณ
กึ่งกลางคอร์ดถึงกึ่งกลางโค้ง ( Middle ordinate = M)
ความยาว ณ
กึ่งกลางโค้งถึงจุดตัดของเส้นสัมผัส ( External
distance = E)
ความยาวของรัศมีโค้งวงกลม( Radius of curve = R)
ตัวอย่างการคำนวณโค้งวงกลม
Example:
It is required to connect two
intersecting straights whose deflection angle is 13 °16 ’00 ” by a circular curve of radius 600 m. The through chainage of theintersection point is 2745.72 m and pegs are required on the centreline of the curve at
exact multiples of 25 m of through chainage.
Tabulate the data necessary to set
out the curve by the tangential angles method using a theodolite and tape.
Solution:
Through
chainage of T = Chainage of I – IT = 2745.72 – 69.78 = 2675.94mTo fix the first
point on the curve at 2700m (the next multiple of 25m) the initial sub chord
is:
Initial sub-chord = 2700 – 2675.94 = 24.06m
Length of circular curve = LC = R θ ( θ in
radians).
Through chainage of U = Chainage of T + LC = 2675.94 +
138.93 = 2814.87m Hence a final sub-chord is also required since 25m chords can
on be used up to 2800m
Length of final sub-chord = 2814.87 – 2800 = 14.87m
Hence
the 3 chords necessary are:
__________________________________________________
โค้งผสม (Compound
curve)
รูปตัวอย่างโค้งกลับ ผสม
โค้ง
ที่ประกอบด้วยโค้ง วงกลมหลายโค้งมาต่อกัน
และจุดศูนย์กลางโค้งทั้งหมดจะอยู่ซีกเดียวกันของเส้น สัมผัส
และรัศมีของโค้งที่เชื่อมต่อกันจะยาวไม่เท่ากัน จุดที่ความยาวโค้ง ต่อกัน คือ Point of compound curve ( PCC)
ส่วนสำคัญของโค้ง ผสมคือมุมเหของโค้งร่วม ( ΣΔ i) รัศมีของโค้งร่วม
(Ri) เส้น สัมผัสเส้น ยาว /เส้น สั้น
(TL/TS) และ Δ ของโค้ง ผสม
ประโยชน์ของโค้ง ผสม
1. ใช้ในบริเวณที่เป็นภูเขาเพื่อปรับเส้นทางถนน
ให้เข้ากับภูมิประเทศและเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการสัญจร
2. ใช้ในบริเวณทางต่อเชื่อมระหว่างถนนและทางด่วน
(Ramp) ที่บริเวณ ทางขึ้นหรือทางลง หรือใช้ในการออกแบบโค้ง
ของทางแยกต่างระดับ (Interchange) โดยใช้ร่วมกับโค้งก้นหอย
3. ใช้ในการรออกแบบช่องทางสำหรับเลี้ยวในกรณีที่ถนนสายหลักกับถนนสายรองมาตัดกัน
โค้งผสมชนิด 2 ศูนย์กลาง (Two center
compound curve)
ข้อมูลที่ทราบจากการสำรวจภาคสนาม
: Δ i ของแต่ละโค้ง ย่อยและค่า R ของแต่ละโค้ง ย่อย
การพิสูจน์สูตรโดยใช้ระบบพิกัดฉาก
______________________________________________
โค้งกลับทิศทาง (Reversed
curve)
โค้งผสมที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ตรงข้ามกัน
ประกอบด้วยโค้ง สองโค้งมีจุด PRC (Point of reverse curve) เป็นจุดร่วมหรือมีเส้น
สัมผัสที่ต่อเชื่อมระหว่างโค้ง เรียกว่า เส้น สัมผัสร่วม ( Intermediate
tangent)
Intermediate tangent จะอยู่ระหว่างโค้ง
ทำหน้า ที่แยกโค้ง สองโค้ง ออกจากกัน และควรมีความยาวประมาณ 100 เมตร
โค้งกลับทิศทางต่อกันที่จุด
PRC
ประเภทที่ 1 : รัศมียาวไม่เท่ากัน
คำนวณเสมือนโค้ง วงกลมสองวงต่อกัน
ประเภทที่ 2 : รัศมียาวเท่ากันคำนวณหารัศมีที่ใช้กับทั้งสองโค้ง
ได้ดังนี้
โค้งกลับทิศทางที่มีเส้นสัมผัสขนานกัน
ประเภทที่ 1: รัศมียาวเท่ากัน
ประเภทที่ 2 : รัศมีไม่เท่ากัน
โค้งกลับทิศทางที่เส้นสัมผัสไม่ขนานกัน
แต่รัศมีเท่ากัน
ประเภทที่ 1 : AB ได้ จากการวางแนว
กําหนดมุม α , β หา Δ 1และ Δ 2
_____________________________________________
โค้งก้นหอย (Transition Spiral Curve)
Transition Spiral Curve หรือโค้งก้นหอย
เป็นโค้งราบ นิยมใช้กับถนนหรือทางรถไฟที่ต้องการให้ยวดยานเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง
ใช้แทนโค้งอันตราย ( Sharp curve) ทางเลี้ยว
ทางแยกต่างระดับ ( Interchange) ทางแยก ( Intersection) ช่วยให้คนขับสามารถค่อยๆ บังคับรถให้เลี้ยว ได้ง่ายในขณะที่ใช้ความเร็วสูง
ทําให้รถไม่เสียหลัก
แนวคิดของ Transition
curve หรือ Spiral curve ทางเรขาคณิต
1.
แนวคิดลดรัศมี ของโค้งวงกลม( R) ลงเท่ากับ P
2. แนวคิดเลื่อนโค้งวงกลมลงมาโดยที่
โค้งไม่เปลี่ยนแปลงเลย ( Shift circular curve)
3.
แนวคิดให้รัศมีโค้งและองศาโค้งเหมือนเดิม
และจุดศูนย์กลางคงที่แต่เลื่อนเสนสัมผัสโค้งวงกลมออกไป ( Shift tangent
line)
4.
เนื่องจากโค้งวงกลมเดิมเป็นโค้งอันตราย จึงเปลี่ยนเป็นโค้งผสมเพื่อให้สามารถใส่ Spiral curve ได้
__________________________________________________
Horizontal curve Formulas ( YOUTUBE )
VIDEO
แหล่งที่มา :
https://youtu.be/6cjL3RkiTvo
VIDEO
แหล่งที่มา : https://youtu.be/5P0W9spnPZ8
VIDEO
แหล่งที่มา : https://youtu.be/5c8IpIXBPhk